ตำนาน กามิกาเซ่ ลมแห่งเทพเจ้า
หลายท่านอาจเคยได้ยินชื่อ กามิกาเซ่ ฝูงบินพลีชีพของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่2
ซึ่งคำว่า กามิกาเซ่(Kamikaze) ในภาษาญีุ่่นมาจากสองคำต่อกันคือkami หมายถึง พระเจ้า และ kaze หมายถึง ลม รวมกันมีความหมายว่า ลมแห่งเทพเจ้า
ย้อนกลับไปในสมัยปี ค.ศ. 1274 ซึ่งเป็นยุคที่ชาวมองโกลปกครองจีน ปฐมจักรพรรดิ์ราชวงค์หยวน
กุบไลข่าน ได้นำกองทัพเรือบุกเข้าโจมตีญี่ปุ่นที่อ่าวฮากาตะเกาะเกียวชู(ปัจจุบัน คือ เมือง ฟูกูโอกะ) แต่ในขณะที่กองทัพมองโกลได้ตั้งค่ายพักแรมบนเรือรบที่จอดทอดสมออยู่ในอ่าว ได้มีพายุลูกใหญ่โหมกระหนํ่าอ่าวฮากะตะ ทำให้เรือรบจมไปถึง 200 ลำ ทำให้ทัพมองโกลเสียหายหนักจนต้องล่าถอยไป
ถึงอย่างนั้น กุบไลข่าน มีรึจะยอมแพ้ง่ายๆ ปี ค.ศ.1281 ทัพมองโกลบุกญี่ปุ่นอีกครั้งพร้อมกองทัพที่มาก
กว่าเดิมกองทัพมองโกลได้เข้าโจมตีทากาชิ เพื่อใช้เป็นฐานทัพบุกเกาะคิวชูแต่ทว่าขณะที่กองทัพเรือมองโกลพักทัพที่ทากาชิ ก้อได้มีโหมกระหนํ่าทัพเรือมองโกลอย่างหนักเหมือนเดจาวูทำให้เสียเรือรบไป 4,000 ลำ จนต้องถอยกลับไปอีกเช่นเคยจากนั้นมองโกลไม่เคยบุกญี่ปุ่นอีกเลย
ชาวญี่ปุ่นจึงเรียกพายุนั้นว่า กามิกาเซ่(Kamikaze) ลมแห่งเทพเจ้า
สมัยสงครามโลกครั้งที่2 กามิกาเซ่(Kamikaze)ได้ถูกนำมาใช้เรียกฝูกบินพลีชีพของกองทัพญี่ปุ่นซึ่งเป็นฝูงบินบรรทุกระเบิดพร้อมพลีชีพพุ่งเข้าชนเรือรบ
หลังจากญี่ปุ่นโจมตีฐานทัพสหรัฐฯที่เพิร์ลฮาร์เบอร์และเข้ายึดครองหมู่เกาะของฟิลิปปินส์ทำให้สหรัฐฯโต้กลับจนญี่ปุ่นเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในยุทธการ มิดเวย์ (MIDWAY) ซึ่งญีุ่่ปุ่นได้เสียนักบินไปมาก
ฝูงบินกามิกาเซ่ ส่วมมากจะเป็นทหารอาสาอายุประมาณ20 เพื่อพิสูจน์คุณค่าของความเป็นลูกผู้ชายและความรักชาติทำให้ฝูงบินกามิกาเซ่ เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นรักชาติของญี่ปุ่นในขณะนั้น
ฝูงบินกามิกาเซ่นั้นใช้เครื่องบินซีโร่ของมิตซูบิชิเป้าหมายคือพุ่งชนเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือประจัญบานของอเมริกา
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงจากการรายงานของสถิติที่ทางฝ่ายญี่ปุ่นได้บันทึกไว้ กามิกาเซ่ จมเรือรบของฝ่ายสัมพันธมิตรไป 81 ลำ และทำความเสียหายให้เรือรบอีก 195 ลำ
แต่จากข้อมูลของฝ่ายสัมพันธมิตร มีเรือรบฝ่ายสัมพันธมิตรจมลงจากการโจมตีของคะมิกะเซะ เพียง 34 ลำ และอีก 288 ลำได้รับความเสียหาย
ซึ่งคำว่า กามิกาเซ่(Kamikaze) ในภาษาญีุ่่นมาจากสองคำต่อกันคือkami หมายถึง พระเจ้า และ kaze หมายถึง ลม รวมกันมีความหมายว่า ลมแห่งเทพเจ้า
ย้อนกลับไปในสมัยปี ค.ศ. 1274 ซึ่งเป็นยุคที่ชาวมองโกลปกครองจีน ปฐมจักรพรรดิ์ราชวงค์หยวน
กุบไลข่าน ได้นำกองทัพเรือบุกเข้าโจมตีญี่ปุ่นที่อ่าวฮากาตะเกาะเกียวชู(ปัจจุบัน คือ เมือง ฟูกูโอกะ) แต่ในขณะที่กองทัพมองโกลได้ตั้งค่ายพักแรมบนเรือรบที่จอดทอดสมออยู่ในอ่าว ได้มีพายุลูกใหญ่โหมกระหนํ่าอ่าวฮากะตะ ทำให้เรือรบจมไปถึง 200 ลำ ทำให้ทัพมองโกลเสียหายหนักจนต้องล่าถอยไป
ถึงอย่างนั้น กุบไลข่าน มีรึจะยอมแพ้ง่ายๆ ปี ค.ศ.1281 ทัพมองโกลบุกญี่ปุ่นอีกครั้งพร้อมกองทัพที่มาก
กว่าเดิมกองทัพมองโกลได้เข้าโจมตีทากาชิ เพื่อใช้เป็นฐานทัพบุกเกาะคิวชูแต่ทว่าขณะที่กองทัพเรือมองโกลพักทัพที่ทากาชิ ก้อได้มีโหมกระหนํ่าทัพเรือมองโกลอย่างหนักเหมือนเดจาวูทำให้เสียเรือรบไป 4,000 ลำ จนต้องถอยกลับไปอีกเช่นเคยจากนั้นมองโกลไม่เคยบุกญี่ปุ่นอีกเลย
ชาวญี่ปุ่นจึงเรียกพายุนั้นว่า กามิกาเซ่(Kamikaze) ลมแห่งเทพเจ้า
หลังจากญี่ปุ่นโจมตีฐานทัพสหรัฐฯที่เพิร์ลฮาร์เบอร์และเข้ายึดครองหมู่เกาะของฟิลิปปินส์ทำให้สหรัฐฯโต้กลับจนญี่ปุ่นเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในยุทธการ มิดเวย์ (MIDWAY) ซึ่งญีุ่่ปุ่นได้เสียนักบินไปมาก
ทำให้ญี่ปุ่นต้องสู้หลังชนฝา เพื่อรับการบุกของฝ่ายสัมพันธมิตร หนึ่งเครื่องบินหนึ่งเรือรบ คือมติของเหล่าเสนาธิการทหารของญี่ปุ่นซึ่งคือฝูงบินกามิกาเซ่นั้นเอง
ฝูงบินกามิกาเซ่นั้นใช้เครื่องบินซีโร่ของมิตซูบิชิเป้าหมายคือพุ่งชนเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือประจัญบานของอเมริกา
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงจากการรายงานของสถิติที่ทางฝ่ายญี่ปุ่นได้บันทึกไว้ กามิกาเซ่ จมเรือรบของฝ่ายสัมพันธมิตรไป 81 ลำ และทำความเสียหายให้เรือรบอีก 195 ลำ
แต่จากข้อมูลของฝ่ายสัมพันธมิตร มีเรือรบฝ่ายสัมพันธมิตรจมลงจากการโจมตีของคะมิกะเซะ เพียง 34 ลำ และอีก 288 ลำได้รับความเสียหาย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น