ชนิดของเหล้าที่นักดื่มควรรู้


เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีวิธีแยกได้หลายประเภท โดยที่จะพูดถึงคือวิธีแยกตามที่มาและวิธีการผลิตครับ


วิสกี้ (Whisky)
วิสกี้ คือสุรากลั่นที่ทำจากข้าวชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือหลากหลายชนิดก็ได้ โดยนำมาหมักแล้วกลั่นให้มีดีกรีสูงขึ้น จากนั้นนำไปเก็บบ่มในถังไม้โอ๊กเพื่อให้ได้สี กลิ่น รสที่ดีขึ้น แต่ก่อนจะนำมาบรรจุขวด บางชนิดยังนำไปปรุงแต่งสี กลิ่น รสอีกครั้ง เพื่อให้ได้มาตรฐานตามความนิยมของผู้บริโภค
วิสกี้โดยทั่วไปแบ่งได้เป็นประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
สก๊อตวิสกี้ (Scotch Whisky) คือวิสกี้ที่ผลิตในประเทศ "สก๊อตแลนด์"
เบอร์เบิ้นวิสกี้ (Bourbon Whiskey) คือวิสกี้ที่ผลิตในประเทศ "อเมริกา"
ไอริชวิสกี้ (Irish Whiskey) คือวิสกี้ที่ผลิตในประเทศ "ไอร์แลนด์"
แคนาเดียนวิสกี้ (Canadian Whisky) คือวิสกี้ที่ผลิตในประเทศ "แคนาดา"
วิสกี้ที่ผลิตในประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากข้อกล่าวข้างต้นเช่น อังกฤษ, ญี่ปุ่น, จีน, ไทย ซึ่งก็จะมีเอกลักษณ์ในด้าน กลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกันออกไปครับ

วอดก้า (Vodka) 
วอดก้า เป็นเหล้าสีขาว กลิ่นน้อยสนแทบไม่รู้สึกว่ามีกลิ่นเลย ต้นกำเนิดมาจากประเทศรัสเซียและโปรแลนด์สมัยก่อนไม่ค่อยมีใครรู้จักกันมากนัก แต่ปัจจุบันนิยมกันมาก การผลิตสมัยก่อนนิยมใช้ข้าว หรือมันฝรั่งแล้วกลั่นให้มีดีกรีสูงมากเพื่อให้มีกลิ่นน้อยที่สุด ไม่ต้องมีการเก็บบ่มใดๆ ทั้งสิ้น 
ผู้ที่ริเริ่มทำวอดก้าให้ปราศจากกลิ่นได้คือ ตระกูล Smirnoff ใน ค.ศ. 1914 หลังจากนั้น 3 ปี เกิดการปฏิวัติใหญ่ในประเทศรัสเซีย จึงได้อพยพครอบครัวไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และตั้งโรงงานผลิตวอดก้าขึ้นเริ่มแรกไม่ค่อยมีคนนิยมดื่มมากนัก จึงร่วมกับเจ้าของร้านอาหาร cock’n bull โดยผสมวอดก้ากับเครื่องดื่มอื่นๆ จนแพร่หลาย ส่วนใหญ่วอดก้าจะบรรจุขวดให้มีดีกรี ประมาณ 40 – 50 ดีกรี มีมากมายหลายยี่ห้อ หลายประเทศผลิต เช่น 
 Grey Goose Vodka จัดเป็นวอดก้าระดับ Super premium ผลิตในประเทศฝรั่งเศส 
Absolute Vodka ผลิตในประเทศสวีเดน 
Flavored Vodka คือการนำวอดก้าไปหมักหรือแช่กับผลไม้ เพื่อให้มีกลิ่นและรสผลไม้
(และจะบอกว่า วอดก้า ดื่มแล้วเมาค้างน้อยที่สุด)

จิน (Gin)
จินหรือยิน เป็นเหล้าสีขาว มีกลิ่นหอมของผลจูนิเปอร์ ทำมาจากการกลั่นข้าวและผสมกลิ่นรสชาติของสมุนไพร และผลจูนิเปอร์ เป็นที่นิยมกันมากในฮอลันดา ปัจจุบันผลิตกันในหลายๆประเทศ กลิ่นและรสชาติก็แตกต่างกันไป เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งวิธีการผลิตและส่วนผสม
จินที่ผลิตจากประเทศฮอลันดา รสจะเข้มข้นมาก นิยมดื่มโดยไม่ผสม แต่ควรแช่ให้เย็นจัด จินจากอังกฤษและอเมริกา นิยมดื่มเป็นเครื่องดื่มผสม ที่รู้จักกันแพร่หลายเช่น Gin Tonic, Tom Collins, Martini
ส่วนจินที่รู้จักกันในประเทศไทย เช่น Beefeater, Gordon,Gilbey's ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้คำว่า London Dry Gin

บรั่นดี (Brandy)
บรั่นดี เป็นเหล้าที่นิยมกันมาก ได้จากการหมักองุ่นให้เป็นไวน์(wine)แล้วจึงนำมากลั่นเป็นบรั่นดี จากนั้นนำไปเก็บบ่มให้ได้ สี กลิ่น รส ที่ดีครับ บรั่นดีที่มีขายตามท้องตลาด สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท
1 บรั่นดีพื้นเมือง (Domestic Brandy) เช่น Regency Brandy,German Brandy.
2 บรั่นดีมาตรฐาน (Regular Brandy) ส่วนมากเป็นบรั่นดีที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
3 บรั่นดีเกรดสูง (Premium Brandy) เป็นบรั่นดีราคาแพงที่เก็บบ่มไว้ในถังไม้โอ๊กเป็นเวลานาน โดยระบุคุณภาพเป็นอักษรย่อ หรือชื่อพิเศษ เช่น คอนยัค(Cognac) หรือ (Armagnac)

บรั่นดีผลไม้ (Fruit Brandy)
บรั่นดีผลไม้ คือ บรั่นดีที่ทำจากผลไม้อื่นๆที่ไม่ใช่ผลองุ่น ซึ่งจะให้กลิ่นรสแตกต่างกันไปครับ แบ่งเป็น 2 ชนิดด้วยกัน
1. บรั่นดีผลไม้สีขาว (White Fruit Brandy) ผลิตจากการกลั่นผลไม้ โดยไม่ต้องบ่มในถังไม้ จะได้กลิ่นหอม และรสของผลไม้นั้นๆ นิยมแช่ให้เย็นแล้วดื่มโดยไม่ผสม หรือนำไปผสมในค็อกเทลต่างๆก็ได้
2. บรั่นดีผลไม้ที่มีสี (Colour Fruit Brandy) ผลิตจากการกลั่นผลไม้ แล้วนำไปเก็บบ่มในถังไม้โอ๊ก ผลไม้ที่นิยมนำมากลั่นก็มี แอปเปิ้ล,เชอร์รี่,พลัม,แพร์,ราสเบอร์รี่ ที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป เช่น Apple Brandy, Calvados, Apple Jack, Kirsch, Poire William และอีกมากมาย ซึ่งอาจเรียกบรั่นดีผลไม้ประเภทนี้ว่า "Eau-de-vie"


เตกีลา (Tequila)
เตกีล่า เป็นเหล้าสีขาวกลิ่นแรง หมักจากพืชที่เรียกว่า Mezcal ผลิตในประเทศเม็กซิโก ปกติตากีล่าจะมีสีขาว แต่บางชนิดมีสีเหลืองทองจากการเก็บบ่มในถังไม้ ปกติชาวพื้นเมืองเม็กซิโก นิยมดื่มเหล้าเตกีล่าโดยไม่ผสม ในแถบบ้านเรา(ประเทศไทย) มักจะนิยมใส่แก้ว Shot ก้นหนาๆ เพื่อนำไปกระแทกกับโต๊ะพื้นไม้ หรือ โฟเมก้าให้มีเสียงดังๆก่อนดื่ม และจะหยิบเกลือใส่ปากก่อนแล้วบีบมะนาวตาม จากนั้นก็จะยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เพื่อให้รสชาติของเหล้าคลุกเคล้ากับเกลือ และมะนาวในปาก ในปัจจุบันนิยมนำเตกีล่ามาทำเป็นค็อกเทลกันมากขึ้นเช่น Tequila Sunrise, Margarita ,Matador 
เหล้าเตกีล่าที่รู้จักกันดีในประเทศไทยคือ El-Toro,Sirraเตกิล่า เป็นสุราเม็ซคัล (Mezcal) คือสุราพื้นเมืองของชาวเม็กซิกัน รู้จักเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตจากต้น " อากาเว่ " (Agave’) หรือ พืชตระกูลป่าน ที่มีลักษณะแกนกลางของลำต้นอวบใหญ่ เต็มไปด้วยแป้ง ใบสีเขียวเข้ม มาตั้งแต่ ค.ศ. 250-300 ต่อมาชาวสเปนในเม็กซิโกเริ่มเรียนรู้ว่า มีอากาเว่บางพันธุ์เท่านั้นที่สามารถนำมาผลิตสุราคุณภาพดี สุราที่ผลิตจากอากาเว่นี้ เรียกกันว่า "อา-กวาร์เดนเต้ เดอ อากาเว่" (Aguardiente de agave’) นับจนถึงสมัยศตวรรษที่ 19 สุราชนิดนี้เปลี่ยนเป็นมีชื่อเรียกตามถิ่นกำเนิด คือเตกิล่า (Tequila) ซึ่งเป็นชื่อเมืองที่ผลิตสุรา ส่วนต้นบลูอากาเว่ (Blue Agave’) นั้น เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต เตกิล่า จะต้องใช้เวลาปลูกนาน 8 – 12 ปี ถึงจะนำมาใช้ผลิตเตกิล่าได้ อย่างไรก็ตาม หากมีการบำรุงไม่ดีพอ จะทำให้ใช้เวลาปลูกนานกว่านั้น ถึงจะใช้ผลผลิตได้

ลิเคียว(Liqueur or Cordial)
Liqueur และ Cordial มีความหมายคล้ายกันครับ ส่วนใหญ่คำว่า Liqueur มักจะหมายถึงเหล้าหวานของประเทศแถบยุโรป ส่วน Cordial หมายถึงเหล้าหวานทางสหรัฐอเมริกา
เหล้าหวาน เป็นการผสมสุราชนิดใดก็ได้กับความหวาน และเพิ่มสี กลิ่น รสลงไป ซึ่งมาจากผลไม้ สมุนไพรหรือเครื่องเทศ จะเห็นว่าเหล้าหวานมีสีต่างๆมากมาย อาจดื่มเปล่าๆโดยผสมน้ำแข็ง ผสมค็อกเทลให้มีสีสวยงาม 
เหล้าลิเคียวแบ่งได้เป็นชนิดหลักๆ คือ
   Fruit Liqueur หรือลิเคียวผสมกลิ่นผลไม้ เป็นเหล้าหวานที่ผลิตได้มาจากการนำเอาแอลกอฮอล์ มาเติมกลิ่นโดยใช้ผลไม้ต่างๆ 
   Plan, Herb Liqueur หรือลิเคียวผสมกลิ่นเครื่องเทศ, สมุนไพร เป็นเหล้าอีกชนิดหนึ่งที่มีการผลิตเช่นเดียวกับฟรุตลิเคียว ลิเคียวชนิดนี้การผลิต ส่วนใหญ่จะมีการเติมสีสังเคราะห์ลงไปเพื่อได้สีตามต้องการ
   Cream Liqueur หรือลิเคียวที่มีส่วนผสมของครีมเป็นหลัก เป็นลิเคียวอีกชนิดที่มีการผลิตเฉพาะ ตัวมันเองเป็นพิเศษ (Spcial Style) ซึ่งส่วนผสมหลักๆจะเป็น แอลกอฮอล์ กับ ครีม (หรือนม) นั่นเอง ครีมลิเคียวที่มีขายในเมืองไทยและเป็นที่นิยม


รัม (Rum)
รัม เป็นเหล้าที่กลั่นจากอ้อยหรือกากน้ำตาล ผลิตมากตามหมู่เกาะฝั่งทะเลคาริเบียน ซึ่งปลูกอ้อยกันมาก แต่ก็มีผลิตจำหน่ายกันหลายประเทศเช่น Puertorico,Jamaica,Demeraran,Barbados เป็นต้น
รัมแยกตามความนิยมเป็น 3 ชนิดด้วยกัน คือ
1. รัมขาว (White Rum) เป็นรัมที่มีสีใส บางชนิดไม่ต้องเก็บบ่ม แต่บางชนิดต้องเก็บบ่มในถังไม้เพื่อให้กลิ่นรสดีขึ้น บางครั้งเรียกว่า Silver Rum เหมาะสำหรับนำไปผสมค็อกเทลที่ไม่ต้องการให้สีเปลี่ยน
2. รัมทอง (Gold Rum) เป็นรัมที่มีสีเหลืองใส ได้จากการเก็บบ่มในถังไม้เพื่อให้เกิดสี หรือผสมสี กลิ่น รสชาติ ด้วยคาราเมล (Caramel) ที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาล เป็นสีเหลืองทอง เพื่อให้ได้เหล้ารัม ที่มีกลิ่น สี รสชาติมากขึ้นกว่าเดิม
3. รัมดำ (Dark Rum) เป็นรัมที่มีสีเกือบดำ ได้จากการเก็บบ่มไว้ในถังไม้เพื่อให้เกิดสี และผสมกับคาราเมลที่เคี่ยวจนเป็นสีดำเกือบไหม้ จะได้กลิ่นและรสชาติมากขึ้น
เหล้ารัมนิยมนำไปทำค็อกเทลมากครับ ที่รู้จักกันมากคือ Rum Coke หรือ Cuba Libre,Mai Tai นอกจากนั้น ยังนำไปผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ เช่น น้ำผลไม้ต่างๆ ที่เรียกว่า Punch
เหล้ารัมที่มีจำหน่ายจะมีดีกรีราว 40 ดีกรี แต่มีบางชนิดผลิตให้มีดีกรีสูงมากถึง 75.5 ดีกรี หรือที่เขียนว่า 151 Proof เพื่อให้เครื่องดื่มผสมมีความแรงเพิ่มขึ้น



แอพเพอริทิฟ (Aperitif)
แอพเพอริทิฟ คือเหล้าที่นิยมดื่มก่อนอาหาร เป็นเครื่องดื่มเก่าแก่ จัดอยู่ในประเภทเหล้ายา นิยมมากในประเทศฝรั่งเศส อิตาลี ทำจากเหล้า เหล้าองุ่น สมุนไพรและเครื่องเทศ แบ่งได้ 3 ชนิด
1 เวอร์มุธ (Vermouth) เป็นเหล้ายาทำจากรากไม้ รากยา และเครื่องเทศ รสชาติคล้ายๆยาบำรุงเลือดลมของไทย มีหลายยี่ห้อ เช่น Martini,Cinzano,Barbero,Dubonet,Pimm's No.1 เป็นต้น
2 บิตเตอร์ (Bitter) เป็นเหล้ายาที่มีรสขม นิยมดื่มแก้โรคกระเพาะ และช่วยย่อยอาหาร บางชนิดขมมาก แต่บางชนิดก็ขมอมหวานเช่น Campari,Fernet,Branca,Angostura Bitter
3 อนิซ (Anis) เป็นเหล้ายาสีเหลืองใสทำมาจากเมล็ดของ Anis มีกลิ่นหอมเย็นๆ นิยมดื่มแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เช่น Pernod,Ricard,Pastis
เหล้าแอพเพอริทิฟ นอกจากจะนิยมนำมาดื่มเพื่อเป็นยาแล้ว ยังนิยมนำไปทำเครื่องดื่มผสมอื่นๆอีกมากมาย


ไวน์ (Wine)
ไวน์ หรือที่เรียกว่า เหล้าองุ่น เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย แบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้ครับ
1. Table Wine หรือ Still Wine คือไวน์ที่หมักจากองุ่น โดยไม่ต้องเพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไป ไม่มีแก๊ส ดีกรีที่นิยมก็ 10-13 ดีกรี นิยมดื่มในทุกโอกาส แต่ส่วนใหญ่จะดื่มประกอบอาหาร เพื่อเจริญอาหารและชูรสชาติของอาหาร มี 3 สี
- ไวน์แดง (Red Wine) จะมีตั้งแต่สีแดงอ่อน ถึงแดงเข้ม ขึ้นอยู่กับชนิดขององุ่นที่นำมาหมัก และระยะเวลาในการหมัก ส่วนใหญ่ไวน์แดงจะมีรสฝาด และให้มีรสหวานน้อยมาก เรียกว่า Dry นิยมดื่มโดยไม่แช่เย็น
- ไวน์ขาว (White Wine) จะมีตั้งแต่เหลืองซีดจนถึงเหลืองทอง ลักษณะทั่วไปจะมีรสอ่อน กลิ่นน้อย ความหวานมีตั้งแต่หวานน้อย จนถึงหวานมาก ไม่มีรสฝาด นิยมดื่มแบบแช่เย็นครับ
-ไวน์ชมพู (Rose Wine) จะมีสีตั้งแต่ชมพูอ่อนจนถึงเกือบแดง ไวน์สีชมพูจะมีลักษณะระหว่างไวน์ขาวกับไวน์แดง คือมีความฝาดเล็กน้อยและมีรสเปรี้ยวอมหวาน จึงเป็นที่นิยม เพราะดื่มง่าย และนิยมแช่เย็นก่อนดื่ม
2. Sparkling Wine คือไวน์ที่มีแก๊ส จึงทำให้มีรสซ่า มีทั้งสีขาว ชมพูและแดง Sparkling Wine ใช้กรรมวิธีในการหมักไวน์ซ้ำเป็นครั้งที่สองภายในขวด และเก็บรักษาแก๊สนี้ไว้ จึงทำให้เกิดรสซ่า เป็นที่นิยมกันมาก จึงมีการจดลิขสิทธิ์ไว้ในชื่อ" cham pagne" ของฝรั่งเศส ส่วนไวน์ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีคล้ายคลึงกันจะใช้คำว่า"Sparkling Wine" แชมเปญนิยมดื่มเพื่อแสดงความยินดีต่อกัน เสิร์ฟโดยแช่เย็นจัด
3. Fortified Wine คือไวน์ที่เพิ่มแอลกอฮอล์ให้สูงประมาณ 18-19 ดีกรี จะมีกลิ่น รส และแอลกอฮอล์มากกว่าไวน์ธรรมดาแช่เย็นเพียงเล็กน้อยก่อนดื่มครับ


ที่มา : langmatong
          www.chaopraya.biz


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม