10 ประเทศที่ไม่มี กองกำลังทหาร
10
ประเทศที่ไม่มีทหารแม้แต่นายเดียว ในประเทศเหล่านี้ คำว่า "
อาชีพรับราชการทหาร " ไม่มีอยู่ในสารระบบ
ซึ่งเหตุผลของความแปลกแตกต่างจากประเทศเพื่อนฝูงส่วนใหญ่
ก็ต่างกันไปทั้งในเรื่องของความเป็นมาทางประวัติศาสตร์
ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศ และอื่นๆ
อ้าวแล้วถ้าเกิดสงครามล่ะ?
ไม่ต้องห่วงครับประเทศเหลี้ล้วนมีแบบแผนอยู่แล้ว
1 นครรัฐวาติกัน
ประเทศที่เล็กที่สุดในโลก
บางคนอาจจะไม่ค่อยประหลาดใจนัก
กับการที่วาติกันไม่มีกองทัพ เพราะวาติกันเป็นนครศาสนา แต่ว่าในอดีต
ก็ใช่ว่าวาติกันจะไม่เคยมีกองทัพเอาเสียเลย
สมัยก่อนก็เคยมีการจัดตั้งกองกำลังที่ทำหน้าที่ปกป้องวาติกันและพระสันตปาปาด้วย
อย่าง Noble Guard และ Palatine Guard แต่โป๊ป Paul
VI ได้สั่งเลิกไปในปี
1970 ปัจจุบัน
ตัวอย่างที่ดีที่สุดที่น่าจะแสดงถึงการเคยมีกองกำลังทางทหารของวาติกัน
ก็น่าจะเป็น Pontifical
Swiss Guard ที่ทำหน้าที่ปกป้องโป๊ป
และ Palace of the Vatican นอกจากนั้นก็ยังมี Gendarmerie
Corps แต่รายหลังนี้
ถูกมองว่าเป็นกองกำลังพลเรือนมากกว่าที่จะเป็นทหาร
โดยพวกเขาทำหน้าที่รักษาความเรียบร้อย ควบคุมการจราจร พรมแดน
และสอบสวนกิจกรรมอาชญากรรม
ส่วนคำถามที่ว่า
แล้วใครเป็นคนดูแลปกป้องวาติกันในยามสงคราม
คำตอบก็คือเนื่องจากวาติกันอยู่ในกรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลี อิตาลีจึงรับผิดชอบเรื่องนี้ไปเต็มๆ
2 นาอูรู
ประเทศเกาะที่เล็กที่สุดในโลก นอกจากความเล็ก
เพราะมีพื้นที่แค่ 8.1 ตารางไมล์
เกาะนี้ยังมีความไม่เหมือนใครในหลายๆด้าน และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องการไม่มีกองทัพ
และเพราะความเล็ก นอกจากจะไม่มีกองทัพแล้ว ก็ยังไม่มีเมืองหลวงอีกต่างหาก
ผู้ทำหน้าที่ดูแลรักษาเสถียรภาพในประเทศก็คือตำรวจ
นาอูรูตั้งอยู่ในกลุ่มของเกาะเล็กๆหลายพันเกาะที่เรียกกันว่า Micronesia
และทำมาหากินโดยการขุดแร่ฟอสเฟตออกขาย
อ้าวแล้วถ้าเกิดสงครามล่ะ?
ผู้ที่ทำหน้าที่ปกป้องนาอูรู
ในยามที่ถูกรุกรานก็คือออสเตรเลีย เพราะมีการตกลงอย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 2 ประเทศในเรื่องนี้ และในปี 1940
เมื่อเยอรมนีโจมตีนาอูรูในช่วงสงครามโลกครั้งที่
2 ออสเตรเลียก็เคยถูกเรียกให้มาช่วย
3 ลิกเตนสไตน์
ประเทศนี้ยุบกองทัพไปในปี
1868 ในช่วงหลังสงครามออสเตรีย - ปรัสเซีย
เพราะเห็นว่าการมีกองทัพเป็นอะไรที่ทำให้ประเทศมีค่าใช้จ่ายมาก
โดยหลังจากประเทศแยกออกมาจากสหพันธรัฐเยอรมัน ประเทศก็ต้องดูแลกองทัพด้วยตนเอง
แต่ปรากฏว่าประเทศไม่มีงบประมาณมากพอ ก็เลยยุบกองทัพไป
ปัจจุบันประเทศก็เลยมีแต่หน่วยงานตำรวจ ที่เรียกว่า Principality of Liechtenstein
National Police ที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อย
ในกรณีที่เกิดสงคราม
ไม่มีการตกลงชัดเจนว่าใครจะมาช่วยประเทศนี้ป้องกันประเทศ ในกรณีสงคราม
ระบุว่าประเทศอาจจัดตั้งกองทัพได้ ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรียอาจจะส่งทหารมาช่วยเพราะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันในด้านประวัติศาสตร์และเชื้อชาติ
4 สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์
เป็นประเทศเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
ตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศนาอูรูและประเทศคิริบาส
ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศไมโครนีเซียและอยู่ทางใต้ของเกาะเวกของสหรัฐอเมริกา
ภายใต้สนธิสัญญา
Compact of Free
Association ปี
1983 หมู่เกาะมาร์แชลล์ เป็นประเทศที่มีอธิปไตย หมายความว่า อันมีอิสระในการปกครองตนเอง
แต่ภายใต้สนธิสัญญานี้ ก็ระบุให้มันมีสถานะเป็นรัฐแบบ associated states ของสหรัฐด้วย ซึ่งหมายความสหรัฐมีสถานะเป็นผู้อารักขาจึงไม่มีกองทัพ
ในช่วงสงคราม ประเทศก็จึงไม่มีความรับผิดชอบในการปกป้องประเทศ
งานด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงเหล่านี้จะเป็นของสหรัฐ
5 เกรนาดา
ถ้าว่ากันจริงๆต้องค.ศ.
1498 โคลัมบัสได้ค้นพบดินแดนแห่งนี้ เดิมเป็นที่อยู่ของชนพื้นเมืองอินเดียเผ่าแคริบ
(Carib) และอาราวัก (Arawaks ทำให้ตกอยู่ในมือของนักล่าอณานิคมและเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ
ตั้งแต่ สเปน ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร
แต่เกิดการปฏิวัติขึ้นในทุกครั้งเรื่อยมา
จนปี 1983 การก่อรัฐประหาร และการแย่งชิงอำนาจภายในรัฐบาล ทำให้กองทัพสหรัฐอเมริกาต้องเข้ามาแทรกแซงประเทศในแถบแคริบเบียนเพื่อสร้างเสภียรภาพทางการเมืองในเกรเนดาทำให้เกรนาดาที่มีแนวคิดแบบคอมมิวนิสต์ในตอนนั้น
กลับมาเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่มันก็ทำให้ประเทศไม่มีกองทัพไปด้วย ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยก็คือ
ตำรวจ และองค์กรที่เรียกว่า Regional
Security System ที่เป็นกลุ่มการรวมตัวทางทหารของประเทศหมู่เกาะเล็กๆในภูมิภาคกันของ Antigua and Barbuda,
Barbados, Dominica, Saint Kitts and Nevis, Saint Lucia, และ Saint Vincent and
the Grenadines
กรณีที่เกิดสงคราม
ไม่มีการกำหนดชัดเจนว่าใครจะมาช่วยเหลือเกรนาดา ประเทศ
อาจจะขอความช่วยเหลือจาก
Regional Security System
และก้อคงไม่พ้นความช่วยเหลือจากกองทัพสหรัฐอเมริกา
6 อันดอร์ร่า
ประเทศมีตำรวจราว
240 นาย ตำรวจที่นี่มีหน้าที่ดูแลความสงบ
พวกเขาได้รับการฝึกให้ช่วยเหลือตัวประกันด้วย การเป็นตำรวจ
เป็นหน้าที่ของผู้ชายทุกคน หากว่าพวกเขามีอาวุธปืน
อันดอร์ร่า ฝรั่งเศสและสเปนนั้นมีประวัติศาตร์ร่วมกัน(ถ้าจะว่าจริงๆคงยาวมาก)
อันดอร์ราปกครอง ด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาเดียว โดยมีประมุขร่วม (Parliamentary
Co-Principality) คือพระราชาคณะ
(Bishop) แห่งเมือง Urgell ของสเปน และประธานาธิบดีฝรั่งเศส โดยเป็นประมุขในทางสัญลักษณ์เท่านั้น โดยมีผู้แทนของตนอยู่ในราชรัฐอันดอร์รา
ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เรียกว่า Vegeur
(พอล่ะชักจะซับซ้อนไปแล้ว)
ในกรณีสงคราม
อันดอร์ร่า ที่มีอาณาเขต 181 ตารางไมล์ ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ช่วยปกป้องก้อคงไม่ต้องสงสัยเลย
สเปนและฝรั่งเศสนั้นเอง แถมทั้งสองประเทศยังเป็นชาติ สมาชิกNATO(North Atlantic Treaty
Organization สนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ)ซึ่งมีสมาชิก
28 ประเทศ
7 เบลาอู ( Palau )
เป็นประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ไปประมาณ 500 กิโลเมตร ได้รับเอกราชในปี
พ.ศ. 2537 เป็นหนึ่งในชาติที่ใหม่ที่สุดและมีประชากรน้อยที่สุดในโลก
Palau เป็นเกาะที่มีชะตากรรมคล้ายหมู่เกาะมาร์แชลล์ที่โดนพวกยุโรปเปลี่ยนมือไปเรื่อยตั้งแต่
อังกฤษ สเปน เยอรมนี ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ปาเลาจึงกลายเป็นสนามรบระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา
ภายหลังสงครามสหรัฐอเมริกาเริ่มมีอำนาจแทนญี่ปุ่น
ปาเลาต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาเกือบทุกด้าน หลังจากได้รับเอกราช
ก็ยังได้รับการช่วยเหลือทางการเงินและการป้องกันจากสหรัฐอเมริกา
แม้จะไม่มีกองทัพ
เบลาอูก็มีส่วนของตำรวจที่ตั้งขึ้นเพื่อให้การปกป้องที่จำเป็นต่อพลเรือน
แต่หากมีสงคราม เบลูอา ก็จะต้องขอความช่วยเหลือจากภายนอกสำหรับการป้องกันประเทศ
เกาะแห่งนี้ มีสถานะเป็นรัฐ associated state ของสหรัฐเช่นเดียวกับ
หมู่เกาะมาร์แชลล์ สหรัฐจึงมีพันธกรณีที่จะต้องช่วยปกป้องเกาะแห่งนี้จากการโจมตีของประเทศอื่น
8 รัฐเอกราชซามัว
เป็นประเทศที่ประกอบด้วยหมู่เกาะอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้
เช่นเดียวกันกับเกาะตอนใต้ของแปซิฟิกอื่นๆ
มักจะมีพวกตะวันตกเข้ามาทำปัญหา
มีข้อพิพาทระหว่างสหรัฐ
เยอรมันและอังกฤษ ยังผลให้ประเทศเยอรมนีได้ครอบครองส่วนที่เป็นประเทศซามัวในปัจจุบัน
ส่วนสหรัฐอเมริกาได้ครอบครองส่วนที่เป็นอเมริกันซามัวในปัจจุบัน
สำหรับประเทศอังกฤษก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในซามัวอีกแล้ว
ในระยะต่อมาในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซามัวถูกโอนให้มาขึ้นกับประเทศนิวซีแลนด์
จนประกาศเอกราชในปี พ.ศ. 2505 นับเป็นประเทศแรกในแปซิฟิกใต้ที่ได้รับเอกราช
ซามัวมีสนธิสัญญามิตรภาพกับนิวซีแลนด์มาตั้งแต่ปี
1962 หากมีสงคราม ซามัวสามารถขอความช่วยเหลือจากนิวซีแลนด์ได้ แต่ในสนธิสัญญาก็ระบุว่า แต่ละประเทศ
สามารถถอนตัวออกจากสนธิสัญญาเมื่อใดก็ได้ หากต้องการ
9 สาธารณรัฐคอสตาริกา
เป็นประเทศในภูมิภาคอเมริกากลาง
แม้ไม่มีกองกำลังทหารแต่กลับมีเสถียรภาพทางการเมืองสูง ได้ชื่อว่าเป็น
"สวิตเซอร์แลนด์ของอเมริกากลาง"
หลังประเทศเจอกับปัญหาสงครามกลางเมือง
ประธานาธิบดีโฮเซ ฟิเกเรส เฟร์เรร์ ลงนามในกฏหมายยุบกองทัพ ปัจจุบันประเทศมีหน่วยงานชื่อ
ฟูเอร์ซ่า ปุบลิก้า ที่ทำหน้าที่ด้านการรักษากฏหมาย ด้านความมั่นคงทางบก
การลาดตระเวณตามพรมแดน และอื่นๆที่เป็นหน้าที่ของตำรวจ
ในกรณีสงคราม
สนธิสัญญา Inter-American
Treaty of Reciprocal Assistance ระหว่าง 21
ประเทศในทวีปอเมริกาด้วยกันที่ทำไว้ในปี
1947 คอสตาริก้าสามารถร้องขอความช่วยเหลือจากชาติสมาชิก ซึ่งก็รวมถึง สหรัฐ
คิวบา และชิลีได้ในบางระดับ
10
หมู่เกาะโซโลมอน
Pearl of Pacific (ไข่มุกแห่งแปซิฟิค) คือฉายาของหมู่เกาะโซโลมอนเพราะมีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม
และ อุดมสมบูรณ์ และเป็นจุดพักระหว่างทางของการขนส่งสินค้าในมหาสมุทรแปซิฟิค
ทำให้เป้าหมายในสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้บุกรุกเข้ามาในเกาะนี้ช่วงต้นของสงคราม
แต่กองทัพสหราชอาณาจักรก็สามารถยึดครองดินแดนกลับมาได้อีกครั้งอังกฤษจัดตั้งกองกำลัง
British Solomon Islands Protectorate Defense Force เข้ามาดูแลหมู่เกาะ แต่นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 1978
ประเทศก็ไม่มีกองทัพ ประเทศสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพมาจนถึงประมาณปี 1998
แต่นับตั้งแต่ปี 1998 - 2006 ประเทศเจอปัญหากับเรื่องพฤติกรรมมิชอบภายในรัฐบาล
อาชญากรรม และกรณีพิพาททางด้านเชื้อชาติ และเพื่อเป็นการแก้ปัญหา ออสเตรเลีย
และนิวซีแลนด์จึงเข้าไปฟื้นฟูสันติภาพ และปลดอาวุธกองกำลังตำรวจติดอาวุธ
ในกรณีที่เกิดสงคราม
ไม่มีการกำหนดชัดเจนว่าใครจะมาช่วยหมู่เกาะแห่งนี้ แต่หมู่เกาะโซโลมอน
ได้ซื้ออาวุธบางส่วนจากออสเตรเลีย ดังนั้น หากเกิดสงคราม ก็เป็นไปได้ที่ออสเตรเลียอาจจะเป็นประเทศแรกๆที่รุดมาช่วยเหลือ
ดัดแปลงเนื้อหาจาก : http://www.oknation.net/blog/inter/2010/10/05/entry-7
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น